วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

Enterprise System and Supply chain management

Enterprise System
Supply Chain Management
            เนื่องจากการทำงานในแต่ละแผนก แต่ละองค์กร มีความแตกต่างกัน จึงต้องการระบบที่แตกต่างกันในแต่ละองค์กร ตัวอย่างเช่น SAP, Oracle เป็นต้น ถ้าระบบองค์กรเป็น Traditional information systems ข้อมูลจะกระจัดกระจายมาก และไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้คนในองค์กรรวมไปถึงลูกค้าไม่ได้แชร์ข้อมูลซึ่งกันและกัน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทางลบแก่บริษัท
หลายองค์กรจึงนำระบบ Enterprise system  เข้ามาใช้ในการรับส่งและจัดการข้อมูลต่างๆ  แต่ละ key function ก็มีการบูรณาการในการทำงาน เช่น Dell ที่ถึงแม้ฐานการผลิตจะอยู่ที่จีน แต่ customer sevice ตั้งอยู่ที่ประเทศอินเดีย แต่ก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีระบบการรับส่งข้อมูลที่ดี
อย่างไรก็ตามยังต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าของระบบและความพร้อมของพนักงานด้วย ซึ่งระบบนี้จะช่วยทำให้ข้อมูลและความรู้ต่างในองค์กรถูกนำมาแชร์ให้แก่กันขององค์กร
Example:
·        CRM: ระบบที่ใช้ดูแลด้านฐานลูกค้า
·        Knowledge Management Systems (KM): ระบบที่บริหารความรู้ภายในองค์กร
·        Supply Chain Management (SCM): ระบบที่ใช้บริหาร supply chain ของบริษัท เช่น Walmart
·        Decision Support Systems (DSS): ระบบสารสนเทศที่ช่วยในการตัดสินใจของพนักงานในระดับต่างๆ
·        Intelligent Systems: ใช้สำหรับหาข้อมูลที่ซ้อนอยู่ในบริษัท
·        Business Intelligence (BI)
·        Warehouse Management System (WMS): ระบบที่ใช้บริหาร warehouse เช่น ดูแลเรื่อการวางจัดสินค้า เก็บข้อมูลจำนวนสินค้า และข้อมูลของสินค้า
·        Inventory Management System (IMS): ระบบจัดการสินค้าคงเหลือ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ ดูแล เช่น การบริหาระดับของสินค้าในโกดัง การสั่งสินค้ามาเพิ่ม เป็นต้น
·        Fleet Management system: ระบบเช็คสถานที่ของสินค้าว่าอยู่ที่ใด
·         Vehicle Routing and Planning: ช่วยวางแผนการเดินทาง โดยเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดในการขนส่ง สามารถใช้ประกอบกับ Vehicle Based System
·         Vehicle Based System: ระบบติดตามและบอกเส้นทาง GPS  เช่น นครชัยแอร์ ที่มีระบบ GPS และระบบควบคุมประสิทธิภาพ มักใช้กับรถบรรทุก เป็นต้น

10 IT Trends for Logistics Supply Chain Management
1.       Connectivity: การเชื่อมต่อต่างๆ เช่น wireless (802.11n standard, 802.11a หรือ 802.11g), Bluetooth หรือ GPRS
2.       Advanced Wireless : Voice & GPS นำมาใช้ในการสื่อสารด้วยเสียงและจีพีเอสเชื่อมต่อไปยังคอมพิวเตอร์ เช่น บริษัทอินเตอร์เมค
3.       Speech Recognition: การสั่งงานด้วยเสียง เช่น อุปกรณ์สำหรับผู้พิการ
4.       Digital Imaging: การประมวลผลภาพดิจิตอล ทำให้การทำงานเร็วขึ้น สามารถทำให้เอกสารเป็นดิจิตอล เช่น ส่งใบเสร็จเป็นไฟล์เข้าฐานข้อมูลของบริษัทได้เลย และพิมให้ลูกค้าได้ด้วย
5.       Portable Printing: การพิมพ์แบบเคลื่อนที่
6.       2D & other barcoding advances
RFID: ชิป ที่มีลักษณะคล้าย Barcode ติดไว้กับตัวสินค้า ใช้มากในระบบ supply chain มีสองแบบ คือ Active และ Passive เช่น บัตร easypass,
8.       Real Time Location System (RTLS): ระบบแสดงตำแหน่งในเวลาจริง ทำให้องกรสามารถขยายเครือข่ายแลนไร้สายขององกรเข้าสู่ระบบการติดตามสินทรัพย์
9.       Remote Management : การจัดการทางไกล โดยใช้ระบบแลนไร้สายเพื่อติดตามสินทรัพย์ของคลังสินค้าและโรงงาน อยู่ออฟฟิตหนึ่ง แต่ก็สามารถจัดการเรื่องในอีกออฟฟิตหนึ่งได้
10.    Security: ความปลอดภัยของอุปกรณ์และเครือข่ายไร้สาย

Supply Chain Management
·        ใช้ในการวางแผน เตรียมการในการสั่งซื้อสินค้า เพื่อให้เก็บสินค้าเท่าที่จำเป็น ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเก็บสินค้า
·        Vendor Managed Inventory (VMI)
·        §  E-Business Systems & Supply Chains
·        §  Business Value of SCM

บริษัทที่ใช้ในปัจจุบัน เช่น Wallmart ที่ supplier จะได้รับการแชร์ข้อมูลจากตัว Wallmart เพื่อให้รู้ว่าสินค้าตัวใดหมด  ตัวใดขายดี

Enterprise Resource Planning (ERP) Systems
                Software เหล่านี้ ระบบเหล่านี้ มักจะนำมาใช้ทีละ module ค่อยๆนำมาใช้ โดยใช้ควบคู่ไปกับระบบเก่า เพื่อไม่ให้พนักงานต้องเรียนรู้มาเกินไป ค่อยๆปรับตัวได้ โดยตัวอย่างผู้ให้บริการระบบ ERP คือ SAP, Oracle เป็นต้น
                โดย software เหล่านี้ถึงแม้จะมีประโยชน์ที่สูง แต่มักจะมีราคาที่แพง และะต้อง customize ให้เข้ากับระบบการใช้งานของบริษัทก่อนที่จะนำมาใช้งานจริง และก็มีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบอีกด้วย ทำให้บริษัทขนาดเล็ก ไม่นิยมนำมาใข้งาน ซึ่งทั่วไปแล้ว บริษัทที่นำ ERP มาใช้ มักจะนำไปใช้กับ 3 ด้าน หลักๆคือ บัญชี ไฟแนนซ์ และสินค้าคงเหลือ

Major ERP Modules 
·        Sales and Distribution
o   Records customer orders
o   Shipping
o   Billing
o   Connections to materials management module , Financial accounting module, Controlling module 
·        Human resources  ทั้งการจัดหา  การจ่ายเงินเดือน  การเทรน  
·        Thrid-Party Modules  เช่น
o   CRM (Customer Relation Management)
o   SCM (Supply chain management)
o   PLM (Product lifecycle management)
Augmented Reality
Augmented Reality (AR) เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนารูปแบบ Human-Machine Interface ที่อาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) โดยที่วัตถุเสมือนนั้นๆ จะถูกสร้างมาผสมกับสภาพในโลกจริงในรูป 3D และแสดงผลแบบ real time โดย AR สามารถใช้งานผ่านทางอุปกรณ์ Webcam, กล้องมือถือ ,Computer รวมกับการใช้ software ต่างๆ ซึ่งจะทำให้ภาพที่เห็นในจอภาพจะเป็น object (คน,สัตว์,สิ่งของ,สัตว์ประหลาด,ยานอวกาศ) 3 มิติ ซึ่งมีมุมมองถึง 360 องศากันเลยทีเดียว ฉะนั้นเทคโนโลยี AR นี้จะสามารถทำให้ผู้ใช้เห็นภาพเสมือนจิงได้รอบด้าน 360 องศา โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเดินไปสถานที่จริงเลยแม้แต่น้อย
Mobile Operating System
ระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็น ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ทั่วไป มีหน้าที่หลัก ๆ คือ จัดสรรทรัพยากรในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ประยุกต์ ในเรื่องการรับส่งและจัดเก็บข้อมูลกับฮาร์ดแวร์ หรือจัดสรรพื้นที่ในหน่วยความจำ ตามที่ซอฟต์แวร์ประยุกต์ร้องขอ รวมทั้งทำหน้าที่จัดสรรเวลาการใช้หน่วยประมวลผลกลาง ในกรณีที่อนุญาตให้รันซอฟต์แวร์ประยุกต์หลายๆ ตัวพร้อมๆ กัน
ระบบปฏิบัติการมือถือหลักๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้แก่
1.         Symbian OS (Nokia)  เป็นระบบปฏิบัติการ mobile OS ที่รองรับเทคโนโลยีสื่อสารแบบไร้สาย และออกมาแบบขึ้นมาเพื่อใช้บนโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหลักในการรับ- ส่งข้อมูล เป็นระบบที่ใช้งานง่าย ประหยัดพลังงาน ใช้หน่วยความจำขนาดเล็ก มีความปลอดภัยสูง ปัจจุบัน Symbian OS เป็น Open source เต็มตัว โดยเปิดโอกาสให้นักพัฒนา software สามารถที่สนใจ พัฒนาโปรแกรมต่างๆบน Symbian OS ได้
                User Interface เรียบง่าย ใช้งานง่าย มีฟังก์ชั่นการใช่งานพื้นฐานที่ครบครัน ติดตั้ง application รวม ทั้งไฟล์ภาพ เสียง ภาพยนต์ หรือเพลง ได้อย่างสะดวก มีการจัดสรรทรัพยากรหน่วยความจำในเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาให้รองรับการสั่งงานแบบ multitask เหมือน iPhone เหมาะกับผู้ที่ใช้งาน function โทรศัพท์ แบบพื้นฐานเป็นหลัก และชื่นชอบความสะดวกสบายในการติดตั้งโปรแกรมหรือลงเพลงต่างๆ รวมถึงผู้ที่ต้องการระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งานหลากหลาย
2.         BlackBerry OS (RIM OS) เป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่มุ่งเน้นให้มีการทำงานที่ไม่ซับซ้อน และการพัฒนาในช่วงแรกนั้น ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในธุรกิจ เน้นการใช้งานด้าน E-mail เป็นหลัก โดยรองรับการใช้งาน Push mail เมื่อมี e-mail เข้ามาสู่ระบบ Server จะทำการส่งต่อมายัง BlackBerry โดยจะมีการเตือนสถานะที่หน้าจอ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลในทันที ทั้งนี้ระบบ e-mail ของ BlackBerry จะมีความปลอดภัยสูงด้วยการเข้ารหัสข้อมูล ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการ BlackBerry พัฒนาในส่วนของการสนับสนุน multimedia ต่างๆ มากขึ้น
                มีระบบการ Chat ผ่าน BlackBerry Messenger ซึ่งจะทำหน้าที่พิมพ์ข้อความสนทนากับผู้ที่ใช้ BlackBerry เหมือนกันแบบ real-time และสามารถเชื่อมต่อกับ internet พร้อมกับมีการเปิดให้รับ-ส่งข้อมูลกับเครือข่ายมือถือตลอดเวลา ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องติดต่องานต่างๆ ผ่าน e-mail รวมถึงเหมาะกับวัยรุ่นที่ชื่นชอบการ chat กับกลุ่มเพื่อน

3.         iPhone OS (Iphone+Ipod+Ipad) iOS ในชื่อเดิม iPhone OS เป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถเชื่อมต่อไปยังแอปสตอร์ สำหรับเข้าถึงแอปพลิเคชั่น มากกว่า 225,000 ตัว เวอร์ชั่นของ iOS บนไอโฟนนั้น เริ่มตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.0 แล้วก็มีหลายเวอร์ชั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง  เพื่อตอบสนองความต้องการที่มากขึ้นของผู้ใช้ และเพื่อแข่งขันกับบริษัทโทรศัพท์มือถืออีกหลายบริษัท โดยเวอร์ชั่นปัจจุบันของ iOS คือ 4.0.2 (เวอร์ชั่นที่สามารถใช้ได้จริง)
 ระบบปฏิบัติการจากไอโฟน  มีรูปแบบการใช้งานที่ง่าย และแฝงไปด้วยลูกเล่นมากมาย  มีความสามารถที่โดดเด่นของระบบ Multitouch   และมีจุดเด่นที่ดวามบันเทิงไม่ว่าจะเป็นการ ดูหนัง ฟังเพลง ผนวกเข้ากับแอพลิเคชั่น และ เกมต่างๆ อีกมากมายบนแอพสโตร์  นอกจากนั้นยังรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบเรียลไทม์  ทำให้สามารถใช้อินเตอร์เน็ต เช็คอีเมล์ หรือเข้าสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Twitter ได้อย่างสะดวก  ถึงอย่างไรก็ดี iOS มีข้อเสียคือ ยังไม่รองรับ แฟลช ทำให้แสดงผลแฟลชเว็บไซต์ได้ไม่เต็มที่ และด้วยความที่เป็นระบบปิด การติดตั้งโปรแกรมหรือลงไฟล์สื่อต่างๆ จะต้องผ่านโปรแกรม iTunes  ซึ่งอาจจะทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
4.         Windows Phone / Windows Mobile OS Windows Phone นั้นประกอบไปด้วย Application และซอฟต์แวร์ต่างๆของ Microsoft สำหรับมือถือในการใช้งานทั่วไป เช่น Internet Explorer Mobile สำหรับเข้าชมเว็บไซต์ หรือซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานเช่น Microsoft Office Mobile ช่วยให้ชีวิตของผู้ใช้ง่ายขึ้นแม้ไม่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เช็คอีเมล ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวผ่านระบบ IM หรือแม้แต่โทรติดต่อกัน  นอกจากนั้นยังช่วยให้เรียกใช้Application ต่างๆตั้งแต่ Office Word, Excel, PowerPoint หรือ OneNote ได้อีกด้วย  ถึงอย่างไรก็ดี  Windows Phone ยังไม่เป็น Open source เนื่องจากติดเรื่องลิขสิทธิ์  ทำให้การพัฒนาต่อยอดเป็นไปได้ยากกว่า OS ที่เป็น Open source ระบบนี้มีจุดเด่น คือ
-      ง่ายต่อการใช้งาน  และสามารถ synchronize เข้ากับ PC ได้อย่างดี  ทำให้สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
-     บริหารจัดการ Global Positioning System (GPS) ในตัว
-     รองรับการใส่ภาพใน Caller ID ในตัว
-     รองรับความสามารถ “push” ร่วมกับ Microsoft Exchange Server ทำให้อีเมล์หรือข้อมูลใหม่ส่งมาที่เครื่องทันที  โดยไม่ต้องคอยตรวจสอบทางเซิร์ฟเวอร์ว่ามีข้อมูลใหม่มาหรือไม่
-       บริหารจัดการและรองรับบลูทูธในตัว
-       เพิ่มความสามารถ Error-Reporting สำหรับส่งรายละเอียดข้อผิดพลาดไปยังผู้พัฒนาในกรณีที่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น

5.         Android  เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google โดยมีพื้นฐานจากระบบปฏิบัติการ Linux โดยมีการพัฒนาต่อยอด พร้อมทั้งเปิดเผย Source Code เป็นแบบ Open Source Android มีแนวคิดที่จะนำคุณสมบัติของโทรศัพท์มือถือ รวมเข้ากับบริการต่างๆ ของ Google ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานแก่ผู้ใช้   และยังถูกออกแบบให้มีความสามารถใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ขนาดย่อม โดยยังคงเรื่องความคล่องตัวในการใช้งานค่อนข้างมาก
ด้วยความที่ Android เป็นระบบปฏิบัติการจากGoogle จึงรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้บริการจากกูเกิ้ลได้อย่างเต็มที่ ทั้ง Search Engine, Gmail, Google Calendar, Google Docs และ Google Maps เป็นต้น นอกจากนี้ Android ยังเป็นระบบปฏิบัติการแบบ Open Source  ซึ่งทำให้ซอฟท์แวร์ของทางแอนดรอยด์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนถึงตอนนี้ก็มีโปรแกรมต่างๆ กว่า 20,000 โปรแกรมให้ได้เลือกใช้งาน   ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้งานบริการต่างๆ จากทางกูเกิ้ล รวมทั้งต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา แต่ยังไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานระดับเริ่มต้นเพราะวิธีแก้ปัญหาทางเทคนิคของแอนดรอยด์นั้นยังไม่แพร่หลายเท่าใดนัก
ความสำเร็จ     
     จากการสำรวจตลาด Mobile OS ของ IDC พบว่า ในปี 2010 Symbian จะยังคง Market Share อันดับหนึ่ง ตามมาด้วย BlackBerry OS และ Android ที่มี Market Share ใกล้เคียงกัน แต่แนวโน้มในอนาคตคาดว่า Android จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจาก แนวโน้มในอนาคตของตลาดโทรศัพท์มือถือนั้นมีแนวโน้มที่จะนิยม OS ในรูปแบบ Open source มากกว่า ซึ่งก็ตรงกับลักษณะของ Android และ Symbian ในขณะที่ OS ที่เป็น Single source อย่าง IOS (Apple) กับ RIM (BlackBerry) นั้น แม้ว่ายอดขายโทรศัพท์มือถือของ Apple กับ BlackBerry จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนแบ่งการตลาดในอนาคต RIM และ IOS อาจจะไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นมากนัก โดยคาดว่าจะครองส่วนแบ่งทางการตลาด OS รองจาก Symbian และ Android 
Video Telepresence
            เทเลพรีเซ็นส์ คือ เทคโนโลยีที่พัฒนามาจากระบบวิดีโอคอนเฟอเร็นซ์ที่ได้มีการพัฒนาขึ้นในปีค.ศ.1960 และเริ่มใช้งานจริงในปีค.ศ.1980 ซึ่งโดยหลักการแล้ว เทเลพรีเซ็นส์ใช้เทคโนโลยีพื้นฐานเดียวกับวิดีโอคอนเฟอเร็นซ์ แต่มีความต่างขององค์ประกอบของระบบที่ชัดเจน 3 ด้าน คือ network technologies, conference hardware, conference software ซึ่งเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ากว่าทำให้เทเลพรีเซ็นส์ให้ภาพที่สมจริงกว่า อรรถประโยชน์ที่สูงกว่า และการติดตั้งต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมการใช้งานที่เหนือกว่าวิดีโอคอนเฟอเร็นซ์
Service-oriented Architecture

SOA (Service-Oriented Architecture) หมายถึง สถาปัตยกรรมเชิงบริการ เป็นแนวคิดการออกแบบและวางโครงสร้างของซอฟต์แวร์ขององค์กรขนาดใหญ่ในลักษณะที่เอื้อให้ผู้ใช้สามารถหยิบเอาเฉพาะเซอร์วิส (Service) ที่ต้องการซึ่งเป็นองค์ประกอบของซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ มารวมกันเป็นแอพพลิเคชันใหม่ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะอย่างได้อย่างยืดหยุ่น รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ตามหลักการของการนำกลับมาใช้ใหม่ (Reusability)

การอธิบายแนวคิด SOA สามารถแบ่งได้เป็น 2 คำ คือ Service-Oriented และ Architecture
- Service-Oriented เป็น Software ที่ไม่ใช่ซอฟต์แวร์แพ็คเกจ แต่เป็นซอฟต์แวร์ตัวเล็ก ทำงานเฉพาะด้าน ขึ้นอยู่กับว่าจะแบ่งเป็นบริการอะไรบ้าง
- Architecture คือ การออกแบบ โดยจะมององค์กรโดยรวมว่าต้องการบริการอะไรบ้าง ก็จะแบ่งบริการนั้นๆออกเป็นส่วนย่อยๆ
                 
ทั้งนี้ หลายคนมองว่า SOA คือ web service แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะ web service เป็นแค่เครื่องมือในการใช้งาน ดังนั้น SOA จึงไม่ใช่สินค้า หาซื้อไม่ได้ แต่มันคือแนวคิดที่ต้องสร้างเองในองค์กร
ปัจจุบัน SOA (Service-Oriented Architecture) เป็นหลักการการออกแบบสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ที่มีการพูดถึงกันมาก โดยหลายๆ องค์กรพยายามที่จะออกแบบระบบทางด้านไอทีให้เข้าสู่ระบบ SOA แต่เนื่องจาก SOA เป็นหลักการในการออกแบบ ดังนั้นการทำความเข้าใจและนำไปพัฒนาให้ใช้งานได้จริงนั้น ยังเป็นเรื่องที่ยาก จนเมื่อเว็บเซอร์วิส (Web Service) ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งในการพัฒนาตามหลักการของ SOA เกิดขึ้นมา จึงทำให้แนวคิด SOA ได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างมาก จนบางครั้งทำให้หลายๆ คนคิดว่า SOA และ web service เป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆ แล้ว SOA เป็นแนวคิดหรือรูปแบบในการออกแบบการให้บริการ ส่วนเว็บเซอร์วิสเป็นวิธีการหนึ่งในการพัฒนาตามหลักการของ SOA เท่านั้น ทั้งนี้อาจใช้แนวทางอื่นในการพัฒนาระบบ SOA ก็ได้ เช่นการใช้ CORBA (Common Object Request Broker Architecture) หรือ Java RMI (Remote Method Invocation
Phawika Kowsupamongkol 5202115084

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น